Monday 22 October 2012

เจ้าแมวกตัญญู (The Obedience Cat)

 

ภาพประกอบไม่เกี่ยวกัน

กริ๊ง!!!!

ทันทีที่เสีงอ๊อดเงียบลง ก็ปรากฏเสียงเฮดังขึ้นมาลั่นห้อง บรรดาเด็กนักเรียนทั้งหลายส่งเสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยสัพเพเหระกันอย่างกับว่าไม่เคยพูดคุยกันเป็นเวลานาน บรรยากาศภายในห้องตอนนี้วุ่นวายไปหมด นักเรียนในแต่ละห้องต่างแย่งกันออกจากห้องเรียนราวกับมดแตกรัง บริเวณหน้าโรงเรียน ผู้ปกครองต่างพากันมานั่งรอรับบุตรของตนอย่างหนาแน่น ทั้งๆ ที่มีคนพลุกพล่อนแท้ๆ แต่กลับไม่มีสายตาคู่ใดที่จะสังเกตเห็นร่างน้อยๆ ร่างหนึ่งที่กำลังนอนอย่างสิ้นหวังอยู่ข้างถังขยะของโรงเรียน
 
มันคือแมวพันธุ์ไทยแท้ ขนของมันมีสีขาวทั้งตัวและมีดวงสีฟ้า แต่บัดนี้ขนสีขาวของมันกลับเต็มไปด้วยเลือดผสมกับโคลน ที่เนื้อตัวมีบาดแผลเหวอะหวะอันเกิดจากการต่อสู้ นัยน์ตาสีฟ้านั้นแสนเคร้าหมอง สภาพของมันในตอนนี้แย่มากจนแทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่าครั้งหนึ่งขนของมันเคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์นุ่มนิ่มราวกับปุยฝ้าย และนัยน์ตาสีฟ้าของมันก็เคยฉายแววสดใสราวกับท้องฟ้ายามบ่ายชีวิตของมันเคยดีกว่านี้มาก มันเคยมีเจ้าของมาก่อน ลมหายใจของมันในตอนนี้เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงและดวงตาของมันกำลังปิดลงพร้อมกับคิดหวนกลับไปหาความทรงจำครั้งในอดีต...
     "มะเหมียว มะเหมียว" เด็กน้อยวัยสามขวบส่งเสียงเรียกหาน้องแมว
     "เมียว" ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก น้องแมวก็รีบวิ่งตรงเข้าหาเด็กน้อย ก่อนจะเข้าไปคลอเคลียเนื้อตัวของเด็กน้อยตามประสาแมว
     "ฮ่าๆ จั๊กจี้ๆ" เด็กน้อยหัวเราะพลางเอามือลูบไล้ขนนุ่มๆ ของมันเล่นอย่างเพลิดเพลิน ทั้งสองรู้สึกผูกพันราวกับว่ามันเป็นสมาชิกอีกคนในครอบครัวอย่างไรอย่างนั้น ครอบครัวนี้เลี้ยงแมวตัวนี้มา ก่อนที่เด็กน้อยจะเกิดเสียอีก แต่แมวนั้นเป็นสัตว์ที่มีเขี้ยวและเล็บ พอเด็กน้อยเกิดมาได้สักระยะหนึ่ง พ่อของเด็กน้อยจึงตัดสินใจตัดเล็บแมวเพื่อป้องกันไม่ให้มันทำอันตรายต่อลูกของตน มันจึงใช้ชีวิตอยู่โดยไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งสัญชาตญาณของมันอีกต่อไป เพราะถึงอย่างไรก็มีคนนำน้ำและอาหารมาประเคนให้ถึงที่อยู่แล้ว
     "น้ำข้าวจ๊ะ ปล่อยมะเหมียวได้แล้วจ๊ะ" ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาอุ้มลูกของตนขึ้นก่อนจะเดินออกไป บรรยากาศในบ้าน ณ ตอนนี้วุ่นวายมาก คุณพ่อคุณแม่วิ่งวุ่นอยู่กับการเก็บของเข้ากระเป๋าทั้งวันเลยนับตั้งแต่ตอนกลางวันจนถึงเย็น เจ้าแมวรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่แปลกสำหรับมันมากแต่ถึงอย่างนั้นมันก็คงจะทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองพฤติกรรมของคนในบ้านอยู่ห่างๆ คืนนั้นทุกคนในบ้านเข้านอนกันตามปกติ เจ้าแมวก็เช่นกัน มันเดินเข้าที่นอนประจำของมันบนผ้านวมหน้าห้องนอนของเจ้านายก่อนจะหลับใหลไปกับห้วงนิทรายามค่ำคืน
 
...............
 
     รุ่งเช้า เจ้าแมวตื่นขึ้นมาพร้อมกับความประหลาใจ ข้าวของภายในบ้านถูกขนย้ายขึ้นไปบนรถขนของคันใหญ่ ชายแปลกหน้าหลายคนกำลังขนของขึ้นรถเจ้าแมวเดินไปยังหน้าบ้านที่ซึ่วคุณพ่อยืนอยู่ มันเข้าไปคลอเคลียดังเช่นทุกครั้งคุณพ่อก้มลงมองก่อนจะนั่งลงและลูบหัวมันเบาๆ
     "ฉันพาแกไปไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะต่อไปนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ เจ้ามะเหมียว"
     คุณพ่อพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด แต่เจ้าแมวไหนเลยจะรู้ มันมิอาจเข้าใจภาษาของคนได้เจ้าแมวรอ้งตอบคุณพ่อแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ใช้เวลาเพียงไม่นานของในบ้านก็ถูกขนขึ้นรถจนหมดเจ้าแมวทำได้เพียงมองดูรถแล่นออกไปจากตัวบ้าน สิ่งที่มันเห็นคือภาพของรถคันใหญ่ค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ ตามระยะทางและหายลับตาไปในที่สุด มันคิดว่าอีกไม่นานเจ้านายก็คงจะกลับมามันนั่งคอยอยู่ที่เดิม
 
     เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนกระทั่งตกค่ำเจ้านายของมันก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาและตอนนี้ท้องของมันก็เริ่มหิว เจ้าแวตัดสินใจเดินออกจากบ้านไปเพื่อหาของกินตามข้างทาง แมวตัวอื่นอาจจะสามารถจับหนูหรือสัตว์ตัวเล็กๆ กินเองได้ แต่ไม่ใช่มัน เจ้าแมวไม่เคยได้ใช้สัญชาตญาณนักล่าของมันเลย แถมตอนนี้เล็บของมันก็ถูกตัดออไปอีก มันเดินเข้าไปคุ้ยเขี่ยที่ถังขยะหวังจะหาเศษอาหารที่พอจะรองท้องของมันได้บ้าง เจ้าแมวกินเศษอาหารอันน้อยนิดเท่าที่พอหาได้ถึงแม้ว่าจะไม่อิ่มท้องเลยก็ตาม มันเดินกลับมาที่บ้านด้วยความหวังว่า บางทีเจ้านายของมันอาจจะกลับมาแล้วก็ได้ แต่เมื่อกลับมาถึงจริงๆ ก็พบเพียงแต่ความมืดมิดและว่างปล่าวเช่นเดิม มันซึมเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด เจ้าแมวเดินคอตกเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังที่หลับที่นอนของมันและหลังลงดังเช่นทุกคืน
 
................
 
     แสงแดดในยามเช้าส่องแสงผ่านผ้าม่านเข้ามาแยงตาจนเจ้าแมวต้องลืมตาขึ้นมันลุกขึ้นจากผ้านวมก่อนจะเดินสำรวจไปทั่วๆ บ้านด้วยใจที่หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า มันเดินมานั่งคอตกอยู่กลางบ้านความเศร้าเข้าเกาะกุมจิตใจของมันพร้อมทั้งคำถามต่างๆ นานาผุดขึ้นมาเต็มหัวแต่แล้วมันก็ต้องสะดุ้งเมื่อเกิดความรู้สึกเจ็บแสบขึ้นที่บริเวณท้องเจ้าแมวไม่เคยรู้สึกหิวแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต หูของมันกระดิกสองสามครั้งตามสัญชาตญาณเมื่อได้ยินเสียงที่ผิดปกติ มันเดินตรงไปยังมุมห้องเสียงนั้นดังเล็ดลอดออากมาจากรูตรงนี้นี่เอง เจ้าแมวนั่งมองรูนั้นสักพักก็ปรากฎร่างของหนูตัวอ้วนกลมวิ่งออกมาจากภายในรูนั้น
     "ของกิน" ทันทีที่มันเห็นหนูวิ่งผ่านหน้ามันไป เจ้าแมวก็วิ่งตามอย่างอัตโนมัติไม่รู้ว่าด้วยความหิวหรือเพราะไม่เคยจับเหยื่อมาก่อนกันแน่ ทำให้มันวิ่งตามหนูตัวนั้นไม่ทัน มันหมดแรงที่จะวิ่งตาม จงเปลี่ยนทิศทางเดินตรงไปยังห้องน้ำที่เปิดประตูค้างเอาไว้เพื่อหากินน้ำที่ขังอยู่ตามถัง ถึงแม้ว่ามันจะเลียน้ำจนหมด แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการของมัน ลำคอของมันยังคงแห้งผาก
     มันเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังตลาด บรรยากาศภายในตลาดนั้นเงียบสงบปราศจากแม่ค้า มันเดินไปที่ท่อน้ำทิ้งเพื่อกินน้ำ รสชาติของมันแย่มาก แต่ก็ต้องจำใจกิน ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนสามารถต่อชีวิตให้กับตัวเองได้อีกหนึ่งวัน แต่เรื่องร้ายมักมาพร้อมกับเรื่องดีเสมอ ขนของเจ้าแมวฟูขึ้นทันทีที่เห็นร่างของคู่อริตลอดกาลของมัน หมาจรจัดเจ้าถิ่นกำลังยืนแยกเขี้ยวมองดูแขกผู้มิได้รับเชิญ มันเห่าออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับขยับขาวิ่งตรงมายังเจ้าแมวหวังจะขย้ำร่างสีขาวนั้นให้หนำใจอยาก เจ้าแมวรู้ตัวว่ามันไม่มีทางสู้ได้แน่ จึงวิ่งออกไปจากตลาด แล้ววิ่งมุดเข้าไปในช่องเล็กๆ ของกำแพงใกล้ๆ นั้น หมาจรจัดเห่าไม่อยุด มันไม่สามารถลอดรูเล็กๆ นั้นเข้าไปได้ มันจึงพยายามใช้ขาหน้าของมันตุกุยกำแพงแต่ก็ไม่เป็นผลสักพักหมาจรจัดตัวนั้นก็เดินจากไป เจ้าแมวหันกลับมามองสถานที่ที่มันยืนอยู่ในนี้เด็มไปด้วยโต๊ะไม้วางเรียงเป็นแถวยาว พื้นที่โล่งกว้าง มีร้ายขายของเล็กๆ คล้ายกับที่มีอยู่ในตลาดอยู่สามร้านติดๆกัน มันกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะที่ใกล้ที่สุดก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจหวังว่าที่นี่คงไม่มีหมาอีกนะ

...................

     เจ้าแมวลืมตาขึ้นพร้อมกับเสียงอื้ออึงที่ค่อยๆ เพิ่มระดับความดังขึ้นมาเรื่อยๆ เด็กนักเรียนตัวเล็กกำลังทยอยเดินเข้ามาในโรงอาหารแห่งนี้ มันมองบรรดาเด็กๆ เหล่านั้นอย่างงุนงงก่อนที่จะมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งถือไม้มาไล่ตีมันลงจากโต๊ะ
     "ไปให้พ้นนะ ไอ้แมวสกปรก"
     เจ้าแมวรีบกระโดดลงจากโต๊ะอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตกใจ เด็กผู้ชายคนนั้นหัวเราะก่อนจะวางจานข้าวลงบนโต๊ะและลงมือกินข้าวตรงหน้าอย่างตะกละตะกลาม เจ้าแมวลอบกลืนน้ำลายลงอย่างนึกอิจฉา นานเท่าไหร่แล้วนะที่มันไม่ได้กินอาหารดีๆ อย่งเด็กตรงหน้า มันลุกขึ้นเดินไล่ไปตามแถวโต๊ะพร้อมทั้งมองดูเด็กๆ กินข้าว สักพักมันก็หยุดเดินก่อนจะนั่งมองเด็กหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกินข้าวตาละห้อย หวังจะเรียกร้องความสงสารจากเด็กคนนั้น จนกระทั่งเด็กหญิงหันมาเห็นแมวสีขาวกำลังนั่งมองเธอกินข้าวอยู่ เธอสังเกตเห็นว่าเนื้อตัวของมันมอมแมม อีกทั้งนัยต์ตาของมันยังฉายแววเศร้าหมอง เด็กหญิงรู้สึกได้ถึงการร้องขอวิงวอนจากสายตาคู่นั้น เธอจึงหยิบน่องไก่ชิ้นโตโยนลงไปให้แมวน้อย
     "กินให้อร่อยนะจ๊ะ" เด็กหญิงเผยรอยยิ้มอันสดในของเธอให้แมวน้อยก่อนจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ ทันทีที่น่องไก่ถูกโยนมาตรงหน้า เจ้าแมวก็ไม่รอช้ามันตรงเข้าไปกัดกินน่องไก่ด้วยความหิวโหย มันเคี้ยวเนื้อเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นกำลังก่อตัวเกิดขึ้นภายใจจิตใจของมัน แก้วพลาสติกใบเล็กถูกนำมาวางเอาไว้ข้างๆ
     "กินข้าวเสร็จแล้วต้องกินน้ำตามด้วยนะจ๊ะ น้องแมว" เด็กหญิงพูดพร้อมกับลูกหัวแมวน้อยสองทีก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินจากป เจ้าแมวเงยหน้าขึ้นจากน่องไก่แล้วมองตามหลังเด็กหญิงไป นานเท่าใหร่แล้วนะที่ไม่มีใครมาดูแลเราแบบนี้ เจ้าแมวคิดก่อนจะก้มหน้าลงกินน่องไก่ตรงหน้าต่อไป
     
      กริ๊ง!!!
     เสียงอ๊อดเลิกเรียนดังขึ้น บรรดานักเรียนต่างพากันวิ่งกรูออกมาจากห้อง เจ้าแมวนอนมองภาพตรงหน้าอย่างฉงนเพราะเหตุใดทำไมถึงต้องแย่งกันออกจากห้องเรียนขนาดนี้ แมวน้อยไม่อาจเข้าใจพฤติกรรมของเด็กเหล่านั้น แต่แล้วมันก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อรับรู้บางอย่างกำลังลูบไล้ขนของมันอยู่ พอเจ้าแมวหันไปก็พบกับเด็กหญิงคนเมื่อกลางวันกำลังยืนฉีกยิ้มอยู่
     "นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่ มากินนมกันเถอะ" พูดจบเด็กหญิงก็เดินนำไปตรงที่โยนน่องไก่ให้เจ้าแมวเมื่อตอนกลางวัน ที่นั่นยังคงมีเศษซากกระดูกไก่กับแก้วน้ำวางไว้เช่นเดิม เด็กหญิงเทน้ำที่เหลือในแก้วก่อนจะใช้ปากกัดถุงนมโรงเรีียนเมื่อถึงนมเกิดรอยฉีก เธอจึงดึงรูนั้นให้กว้างขึ้น จากนั้นจึงเทนมลงไปในแก้ว เจ้าแมวเดินลงมาดูการกระทำของเด็กหญิงอย่างไม่เข้าใจ และยิ่งงงขึ้นไปอีกเมื่อเฑอเลื่อนแก้วพลาสติกที่บัดนี้มีนมอยู่เต็มแก้วมาไว้ตรงหน้ามัน
     "กินให้หมดนะ ฉันไปก่อนละ" เด็กหญิงขยี้หัวของเจ้าแมวแรงๆ ก่อนจะลุกเดินจากไป เจ้าแมวมองแก้วนมสักพักก่อนจะก้มลงเลียนมในแก้ว
     "ความฝันหรือนี่! พระเจ้า เราไม่ต้องอดตายแล้ว เพราะตอนนี้เราจะมีเจ้าของแล้ว"
     เจ้าแมวรู้สึกตื้นตันภายในใจ ตั้งแต่โดนเจ้านายทิ้งวันนี้คงจะเป็นวันที่มันกินอิ่มและหลับสบายที่สุดเท่าที่เคยรู้สึกมา

..........................

     รุ่งเช้าเจ้าแมวก็ยังคงนอนอยู่ที่เดิมตอนนี้มันยึดที่ตรงนี้เป็นบ้านของมันไปเสียแล้ว และตามคาด เด็กหญิงเดินมาโรงอาหารพร้อมกับมีขนมปังชิ้นเล็กๆ ติดมือมาด้วยเพื่อเป็นอาหารเช้าของแมวน้อย
     "นี่จ้า น้องแมว กินเยอะๆ เลยนะ" เด็กหญิงฉีกยิ้มกว้างเหมือนเช่นทุกครั้งตั้งแต่นี้ไปเฑอมักจะคอยนำอาหารมาให้แมวน้อยกินและคอยเปลี่ยนน้ำในแก้วบ่อยๆ เธออยากเลี้ยงแมวมาตั้งนานแล้วแต่เพราะด้วยโรคหอบที่เธอเป็น ทางครอบครัวของเฑอจึงไม่ยอมเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดโดยเฉพาะแมว จนเมื่อได้มาพบกับเจ้าแมวเหมียวตัวนี้ เธอจึงรู้สึกดีใจแบบสุดๆทั้งเด็กหญิงและเจ้าแมวต่างมีความสุขด้วยกันมาก หากทุกอย่างดำเนินอย่างนี้ต่อไป ก็คงจะดีไม่น้อย
     "ฉันไปก่อนนะ" เด็กหญิงบอกลาเจ้าแมวดังเช่นทุกครั้ง แต่แปลกที่วันนี้เจ้าแมวกลับเดินตามเฑอไปที่หน้าโรงเรียนด้วย
     "ทำไมแม่ยังไม่มาอีกนะ อ๊ะ!  เจ้าเหมียวมาได้ยังไงเนี่ย" เด็กหญิงเอ่ยขึ้นเมื่อหันไปเห็นเจ้าแมวกำลังเดินตามเธอมา
     "เมี้ยว" มันเดินเข้าไปคลอเคลียที่ขาของเด็กหญิงอย่างขี้อ้อน ทำให้เด็กหญิงต้องออกวิ่งด้วยความจั๊กจี้
     "เอ๋ง!" เสียงร้องของหมาตัวหนึ่งดังลั่นเมื่อเด็กหญิงดันไปเหยียบหางของมันเข้าหมาพันธุ์ร๊อตไวเลอร์ตัวใหญ่ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงมาหาเด็กหญิง มันแยกเขี้ยวออก เผยให้เห็นฟันอันคมกริบของมัน
     "ฮือๆ" เด็กหญิงร้องให้ออกมาด้วยความกลัว ขาทั้งสองข้างไม่มีแรงที่จะขยับไปไหน เธอยืนหลับตาปี๋ ภาวนาขอให้มันเดินจากไปโดยเร็ว แต่ก่อนที่เจ้าหมาจะได้เข้าไปกัดเด็กน้อย ร่างนั้นเงื้อมือขึ้นก่อนจะตะปบลงบนใบหน้าของหมาตัวนั้นเต็มแรงตามสัญชาตญาณของแมว เจ้าหมายืนนิ่ง การที่แมวตรงหน้าที่ไม่มีเล็บจะข่วน มันจึงไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด เจ้าหมาเปลี่ยนเป้าหมายจากเด็กหญิงมายังแมวตรงหน้า มันแยกเขี้ยวออกก่อนจะฝังคมเขี้ยวลงไปบนร่างปุกปุยตรงหน้า
     "เมี้ยว!" แมวน้อยร้องลั่นด้วยความเจ็บ มันพยายามข่วนลงไปบนใบหน้าของเจ้าหมา แต่ผลมันก็ออกมาเป็นเช่นเดิม เจ้าหมาสะบัดหน้าไปมาก่อนจะถอนคมเขี้ยวออกและเข้าขย้ำอีกครั้ง น้ำสีแดงสาดกระเด็นไปตามทิศทางการถูกสะบัด สักพักเหมือนกับสววรค์มีตา เมื่อปรากฎร่างของภารโรงแก่ๆ วิ่งออกมาไล่ตีหมาตัวนั้น ทำให้เจ้าแมวหลุดออกจากการถูกขย้ำในที่สุด แต่ก็เท่านั้นเมื่อสภาพของมันในตอนนี้ย่ำแย่เกินกว่าจะลุกไหว
     "เจ้าเหมียว!" เด็กน้อยน้ำตาไหลพรากวิ่งเข้าไปหาแมวน้อยที่ตอนนี้มีแผลเหวอะหวะอยู่ตามร่างกาย ยังไม่ทันที่เด็กน้อยจะได้ดูอาการดีก็มีมือมือหนึ่งฉุดเธอเอาไว้
     "น้องเนย นั่นลูกจะทำอะไรน่ะ" ผู้เป็นแม่ดุลูกของเธอ
     "แม่ขา น้องแมว น้องแมว..." เด็กน้อยพูดไปสะอื้นไป แต่แรงเด็กหรือจะสู้แรงผู้ใหญ่ได้
     "ไม่เอาลูกอย่าไปจับมัน ดูสิ สกปรกจะตายไป" พูดจบคนเป็นแม่ก็อุ้มลูกสาวของเธอและเดินจากไป ทิ้งให้เจ้าแมวนอนเจ็บอยู่อย่างนั้น ทั้งๆ ที่ควรจะพามันไปหาสัตวแพทย์ ใช่แล้ว...อาการของมันตอนนี้หนักหนาสาหัสมาก ควรจะถึงมือหมอให้เร็วที่สุด หากแต่จิตใจของคนคับแคบเกินกว่าจะเมตตาต่อชีวิตน้อยๆ นี้
     "ไปนอนที่อื่น ไป๊!" ภารโรงแก่คนเดิมออกปากไล่พร้อมกับถือมไม้หน้าสามไล่ฟาดไม่ยั้ง ทำให้เจ้าแมวต้องรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอดทนจากอาการปวดบาดแผล พาร่างของตัวเองหนีจากท่อนไม้ของภารโรง มันพาร่างของมันไปเรื่อยๆ จนเมื่อทนกับความเจ็บปวดของบาดแผลไม่ไหว จึงต้องล้มลงนอนใกล้ๆ กับถังขยะบริเวณหน้าโรงเรียน...
 
.......................
 
     วันเวลาผ่านไปจวบจนเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนของอีกวันหนึ่ง สภาพของเจ้าแมวในตอนนี้ไม่ต่างไปจากซากศพแมวเน่า การที่มันไม่มีอาหารตกถึงท้องแม้แต่น้ำสักหยดมาหนึ่งวันเต็ม ทำให้มันไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะไล่แมลงวันที่ไล่ตอมไปตามบาดแผล
     "เรากำลังจะตายใช่มั้ย" ความคิดนั้นผุดเข้ามาในหัวก่อนที่ลมหายใจจะค่อยๆแผ่วเบาลงไปทุกที ไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจแล้ว มันเหนื่อยเหลือเกิน
     "เราควรหลับตาลงสินะ" แมวน้อยมองภาพต่างๆ รอบตัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่นัยน์ตาสีฟ้าจะถูกปิดผนึกลง...ไม่มีวันเปิดออกมา...ตลอดกาล...
 
     หากมีคำถามว่ามันรู้สึกอย่างไร หากเจ้าแมวมีปากสามารถพูดได้ดังเช่นมนุษย์
     มังคงจะตอบว่า.....ไม่เสียใจ และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ มันก็ยังคงตัดสินใจเช่นเดิม
     ทำไมน่ะหรือ?...เพราะมันได้ต่อสู้เพื่อปกป้องผู้มีพระคุณที่ให้ชีวิตใหม่แก่มัน ไม่มีคำว่าเสียใจหากได้ลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้อง
     ณ เวลานี้คุณได้รับรู้แล้วว่า...สัตว์ร่วมโลกตัวน้อยๆ ตัวนี้ได้ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่แล้วในชีวิตของมัน
     แล้วตัวคุณล่ะ...ได้ทำอะไรที่สัตว์ประเสริฐอย่างมนุษยเราพึงจะทำแล้วหรือยัง...
 
  น๋เย่ น่ารักจัง
มหาสนุก 10-12
 
 

No comments:

Post a Comment