Sunday 4 November 2012

วิกฤตการณ์เจ้าคุณหญิง (Crisis!! Princess)





      กาล ครั้งหนึ่งในวันสงกรานต์ ที่ป้ายรถเมล์ชานเมือง ยังมีคุณหญิงท่านหนึ่งชื่อว่าคุณหญิงแม้นพัชรมาศรัตน์ ซึ่งมีนิสัยชอบดูถูกเหยียดหยามคนจนเป็นชีวิตจิตใจ อาจฟังดูแปลกๆ ถ้าจะบอกว่า คุณหญิงท่านกำลังรอรถเมล์อยู่ ก็น่านนะสิ เป็นถึงคุณหญิงคุณนายมายืนตากแดดรอรถเมล์ทั้งที่ใส้ผ้าไหมมัดหมี่อยู่ได้ไง
      เรื่องมีอยู่ว่าในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ไม่กี่วัน คุณชายผู้เป็นสามีได้ไปดูงาน(งานวัด) ที่ยุโรป บุตรโทนของท่านเจ้าคุณหญิงที่เรียนอยู่อเมริกา เพราะสอบเอ็นทรานซ์ในเมืองไทยไม่ติดแถมทั้งคนสวน คนใช้ คนขับรถ ทั้งหมดรวม 58 คน ก็ยังจะเหมารถบัส กลับบ้านเกิดฉลองสงกรานต์กันอีก
      "จะกลับอะไรกันนักกันหนา" คุณหญิงท่านตวาด "ไอ้บ้านนอกคอกนาน่ะ ไปอยู่นานๆ เข้าเดี๋ยวก็ติดกลิ่นสาบควายมาหรอก"
      "โถ...ท่านเจ้าคุณหญิง" เหล่าบริวารทั้ง 58 ประสานเสียงกัน "สงกรานต์ปีนี้มีงานตั้ง 5 วัน ถ้าไม่กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ตอนนี้ จะรอให้ไปตอนเซ็งเม้งหรือไง"
      "พวกแกเนี่ยน้า จะไปทีก็เล่นไปกันหมด ไม่รู้ยังไงเอะอะก็จะกลับบ้านนอก น่ารังเกียจจริง ที่นี่มันไม่น่าอยู่หรือไงยะ"
      "ขอรับ" คนขับรถค่อนข้างจริงใจ พวกที่เหลือรีบยื่นมือรุมปิดปากจนเห็นมือปิดมิดไปทั้งตัว
      "เอ่อ...แท้จริงแล้ว พวกเราชอบอยู่ที่นี่มากกก..." นายสมชาย คนเสียงลากเสียงแบบตุ็ดเล็กๆ
      "ตามใจ...ตามใจพวกแก ฉันละเบื่อที่จะต่อล้อต่อเถียงกับพวกไพร่"
      วันนี้ คุณหญิงจึงต้องมายืนขาแข็งรอรถเมล์ ที่จริงตะกี้แกเรียกแท๊กซี่ ซึ่งหาว่างได้ยากเหลือเกินในวันนี้ได้คันหนึ่ง แต่ก็ถูกคนอื่น ประมูลแย่งไป ในราคาไปหมดชิตสองหมื่นเศษ สงกรานต์ก็งี้ คนไปสถานีขนส่งหมอชิต กลับบ้านเกิดกันเยอะ เยอะเสียจน...อู้หู!

      งานเลี้ยงวิวาห์ครั้งนี้ คุณหญิงท่านจะไม่ไปก็ไม่ได้เสียด้วยเนื่องจากคู่บ่าวสาวนั่นเป็นบุตรของเจ้าขุนมูลนายไฮโซไซตี้ทั้งนั้นช่างภาพหนังสือพิมพ์ นิตยสาร แบบเรียนทุกฉบับ  ต้องมาชุมนุมกันที่นี่แน่ และที่แน่ไปกว่านั้น สำหรับคุณหญิงแล้ว ในงานนี้ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องวิจิตรเป็นพิเศษด้วยเครื่องประดับราคาแพงระโยงระย้าเต็มตัวไปหมด
      "พวกลิเกหรือเปล่าวะ"
      "พวกรำแก้บนมั้ง"
      "คนบ้าหรือเปล่า เดี๋ยวนี้คนบ้าสะอาดๆ ก็มีนา..."
      ผู้คนที่ยืนรอรถเมล์ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไป

      และแล้ว คุณหญิง ก็โบกแท็กซี่ได้อีกคันหนึ่ง ในวันที่หาแท็กซี่ว่างๆ ยากยิ่งกว่าเลียงผา วันนี้
      "ไปโรงแรมแซมซั่น พลาซ่า ใกล้ๆ หมอชิต..." คุณ"ไม่ไป...ไม่ไปแล้ว"
      "อ้าว! ทำไมล่ะคุณ"
      "เบาะสกปรก ไม่รู้ใครต่อใครมานั่งนัก"
      "งั้นมึงอย่าไปเลย"
      คุณหญิงก็เลยต้องมารอรถเมล์ต่อไป และแล้วรถเมล์สาย 36 ที่คุณหญิงเฝ้ารอกันก็เข้าเทียบจอด แถมยังว่าง...ว่างมากๆ ผู้คนต่างกรูแย่งกันขึ้น คุณหญิงท่านก็ว่องไวประหลาด เหยียบหัวสาวโรงงานขึ้นทางหน้าต่าง ได้ที่นั่งรับลมสบายแฉ๊บ
      คนขับเหยียบคันเร่ง รีบออกรถเหมือนที่บ้านเปิดเตารีดค้างไว้เห็นคนที่ยังเบียดกันขึ้นตรงบันไดร่วงกันระเนระนาด มีอยู่คนหนึ่งกลิ้งไปถึง 14 ตลบ แล้วใส่ลังกาหลังแบ็คซัมเมอร์ซอลท์ขึ้นมายืนตรงผู้คนปรบมือทั้งป้ายรถเมล์

      คุณหญิงท่านจ่ายค่ารถเมล์ แล้วง่วนเช็ดเบาะนั่งอยู่จนเบาะเกลี้ยงเกลาถึงเอนหลังพิง ข้างๆ คุณหญิงยังไม่ว่างไม่มีคนนั่ง  
      "จอดป้ายด้วยเพ่" เสียงกระเป๋ารถเมล์ตะโกน ไม่ทันขาดคำผู้คนก็แย่งกันกรูทะลักขึ้นมาจนรถแน่นในพริบตา มีคนแก่ขึ้นมาคนหนึ่งไม่มีใครยอมลุกให้นั่ง แกล้งหลับ แกล้งเหม่อกันทั้งรถแกเลยเดินไปทางคนขับรถเมล์
      "เรายังเป็นหนุ่มเป็นแน่นนี่นะ ลุกให้ป้านั่งเถอะ"
      "ตามสบายเลยป้า" คนขับรีบลุกขึ้น "ช่วยขับให้ด้วยนะ เดี๋ยวข้างหน้านั่นรถติดแล้ว ขับไม่ยากหรอก"

      ข้างๆ คุณหญิง เป็นชายฉกรรจ์ ที่รูปร่างหน้าตาบอกให้รู้ว่าต้องเป็นผู้ใช้แรงงานแน่ๆ ท่อนแขนก็เต็มไปด้วยมัดกล้ามสักเป็นรูปแสงระวี อัศวรักษ์ เห็นเหงื่อไคลตามคอ ข้อพับ คุณหญิงถึงกับเขยิบหนี แต่ที่หนีไม่พ้นก็คือกลิ่นตัว และกลิ่นเหล้าจากลมหายใจของชายคนนั้นท่าทางเมาแปล้มาพอสมควร

      ตั้งแต่เกิดมาเป็นผู้คน จนเป็นคุณหญิงขึ้นมา ไม่เคยเจออะไรน่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้เลย ยัง...ยังไม่พอ เวลารถเลี้ยวแต่ละที ศีรษะของชายร่างบึกก็โงนเงนมาหนุนตักคุณหญิงท่านทุกทีไป

      ชั่วโมงต่อมา ในสภาพการจราจรที่แออัดขึ้นเรื่อยๆ คุณหญิงก็ได้ถอนหายใจเฮีอกใหญ่ด้วยความโล่งอก มีผู้หญิงท้องแก่ขึ้นมาคนหนึ่ง ท่าทางโทรมๆ ชายร่างบึกข้างๆ คุณหญิงรีบลุกให้นั่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของคุณหญิงดีขึ้นสักเท่าใหร่
      ท่าทางจนแทบไม่มีจะกินอย่างนี้ ยังอุตส่าห์ตั้งท้องอยากจะมีลูกมาช่วยกันอดๆ อยากอีก...คุณหญิงเปรยตาเหยียดๆ
      "ขอโทษนะจ๊ะพี่" หญิงท้องแก่เรียนคุณหญิงเสียงระโหย
      "หือ"
      "ยังไง ถ้าถึงหมอชิตแล้ว ช่วยปลุกฉันทีนะจ๊ะ"
      "อื้อ"
      คุณหญิงท่านเชิดหน้า พยักเพยิดอย่างขอไปที... คนพวกนี้ต่ำจริงๆ กระทั่งรถสาธารณะสกปรก ยังมีกะใจจะนอน สักพักใหญ่ศีรษะของท่านหญิงท้องแก่เริ่มโงนเงน แล้วพิงซบกับไหล่คุณหญิง เหงื่อไคลจากใบหน้าไหลย้อย เห็นเปียกเป็นดวงบนเสื้อผ้าไหม แวววับของคุณหญิง
      ความพยายามที่จะขยบหนีจากหญิงท้องแก่นั่นไม่เป็นผลเพราะไม่ว่าคุณหญิงจะขยับไหล่ยังไง ศีรษะของหญิงท้องแก่ก็โงนเงนขยับตามมาทุกที แถมหน้าผากที่พิงแนบมาก็ร้อนจี๋ จนคุณหญิงทั้งรำคาญและรังเกียจ ท่านรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นที่ต้องมานั่งพังกับคนจนๆ พรรค์นี้
      "เอิ็ก" หญิงท้องแก่สะอึกออกมา
      ก็ดูเอาสิ แม้แต่จะสะอักก็ยังไม่ระวัง ไร้มารยาทซะจริงๆ
      "โฮกก...อ้วกก...! หญิงท้องแก่อาเจียนพรูพรั่ง ออกมาเต็มชุด ผ้าใหมแพงระยับของคุณหญิง
      "โอ้กกก...โอย...อ้วกก...แหวะ!..."

      ทั้งเนื้อทั้งตัวของคุณหญิงเคลือบไว้ด้วยอาเจียนเหลืองอ๋อย คุณหญิงตะลึงถึงกับเป็นลมหมดสติไป แต่ก็ต้องตื่นตาสว่างขึ้นมาอีกทีเพราะกลิ่นมันเหลือทน มองไปรอบๆ ก็ให้รู้ว่ากำลังเป็นจุดสนใจของทุกคนบนรถเมล์บางคนกลั้นหัวเราะ บางคนขยะแขยงเหลือไปข้างๆ เห็นหญิงท้องแก่ยิ้มแห้งๆ แล้วหลับสายตา โอ...คุณหญิงที่น่าสงสารเอ๋ย...สมน้ำหน้าจริงๆ

No comments:

Post a Comment